top of page
HBB

เมื่อนักศึกษาจีนเห็นถึงความเลวร้ายของประเทศตนเอง

เมื่อนักศึกษาจีนเห็นถึงความเลวร้ายของประเทศตนเอง: ปกป้องหรือสะเทือนใจ ชาตินิยมหรือมนุษยชาติ จีนฮั่นหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่กำลังถูกกระทำ .

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เรียบเรียง

ณัฐนันท์ ทองเกื้อสกุล แก้ไขเพิ่มเติม



หนึ่งในเรื่องที่เล่าขานกันมากเกี่ยวกับนักศึกษาจีนที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศ คือ แทบทุกครั้งที่มีคนกล่าวถึงประเทศจีนในทางเสีย ๆ หาย ๆ เช่น กล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ หรือเป็นประเทศที่ไร้เสรีภาพ จะมีนักศึกษาจากจีนลุกขึ้นกล่าวปกป้องประเทศตัวเองเสมอ เพื่อนผมคนหนึ่งยกตัวอย่างประกอบโดยเล่าให้ฟังว่า ในระหว่างการสัมมนาเรื่อง “จีนกับไต้หวัน” ที่ประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาจีนกับนักศึกษาไต้หวันต่างหยิบไมค์ทะเลาะกันไปมาอย่างดุเดือดท่ามกลางผู้ร่วมสัมมนาคนอื่น ๆ .

หากมองในทางหนึ่ง เราเห็นการปลูกฝังที่ทำให้ “คนรักชาติโดยไม่ตั้งคำถาม” ได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งดูเหมือนจะน่าสิ้นหวังเหลือเกินที่ประเทศจีนจะเป็นประชาธิปไตยได้ แต่จริง ๆ แล้ว คนจีนถูกรัฐบาลล้างสมองจนทำให้พวกเขารักชาติตามแนวทางของรัฐบาลกันทุกคนจริงหรือ




Darren Byler อาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งที่ศึกษาเรื่องอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงอย่างต่อเนื่อง เขาทำวิจัยอยู่หลายปี และล่าสุด จากกรณีที่รัฐบาลจีนส่งตัวคนอุยกูร์กว่า 1 ล้านคน (บางแหล่งข่าวระบุว่ามากถึง 1.5 หรือ 2 ล้านคน) ไปเข้าค่าย “ให้การศึกษาใหม่” Byler ก็เขียนบทความแจ้งให้คนในอเมริกาและโลกรู้ว่า รัฐบาลจีนกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง .

ในบทความชิ้นหนึ่งของ Byler เล่าถึงการที่รัฐบาลจีนส่งชาวจีนฮั่นนับล้านคนไปอาศัยอยู่กับชาวอุยกูร์ ไปร่วมโต๊ะกินข้าว และไปเล่นกับลูกของพวกเขา ล้วนเป็นนโยบายของสีจิ้นผิง เขามีทัศนคติต่อคนอุยกูร์ว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” และจากการที่คนอุยกูร์นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้เขามองว่าคนอุยกูร์เป็น “โรคร้าย” ของสังคมจีนที่สวยงาม .

เขาส่งชาวจีนฮั่นไปเพื่อสอดส่องและตรวจสอบว่า คนอุยกูร์ยังอ่านคัมภีร์ “อัลกุรอ่าน” หรือไม่ ยังคงทักทายด้วยคำว่า “อิสลามมาเลกุล” หรือไม่ และยังคงไม่ “กินหมู” หรือไม่ ชาวจีนฮั่นที่แสนนุ่มนวลเหล่านี้จะเขียนรายงานกลับไปให้รัฐบาลจีน และถ้าหากชาวอุยกูร์คนใดยังคงใช้ชีวิตตามวิถีปฏิบัติของศาสนาอิสลามอยู่ หรือยังคงใช้ภาษาอุยกูร์สื่อสารกับคนอื่นมากกว่าจะใช้ภาษาจีนฮั่น คนจีนฮั่นเหล่านี้ก็จะเขียนรายงาน และแน่นอนว่ารายงานนี้ก็เป็นเสมือนใบสั่งให้ส่งตัวคนอุยกูร์ “พี่น้องร่วมชาติ” ของเขาไปยัง “ค่ายปรับทัศนคติเพื่อให้การศึกษาใหม่” ซึ่งมีชาวอุยกูร์ถูกส่งตัวไปอบรมในค่ายดังกล่าวมากกว่าหนึ่งล้านคน และในจำนวนนี้มีหลายคนเสียชีวิตในค่ายหรือสูญหายจนถึงปัจจุบัน

. รัฐบาลจีนอ้างอยู่เสมอว่าค่ายดังกล่าวเป็นค่ายฝึกอาชีพ และเป็นค่ายให้การศึกษาใหม่แก่คนเหล่านี้ แม้กระทั่งคนจีนฮั่นที่เขียนรายงานและส่งคนอุยกูร์ไปเข้าค่ายกักกันก็ล้วนเชื่อตามคำกล่าวอ้างของรัฐบาล (คล้ายกับกรณีคนที่ส่งชาวยิวไปค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ โดยไม่ตระหนักเลยว่าตนเองคือผู้ส่งให้คนกลุ่มหนึ่งถูกรมแก๊สและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก)

. แต่จากเรื่องราวที่หลุดออกมา ภายในค่ายมีทั้งการบังคับให้เปลี่ยนศาสนา การทรมานร่างกาย และการฉีดสารเคมีเข้าไปในเส้นเลือดหากไม่เชื่อฟัง ข่าวเหล่านี้สะท้อนความน่าสะพรึงกลัวของค่าย และความโหดร้ายภายในค่ายที่เกินกว่าทุกคนจะคาดคิดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21




Byler กล่าวในบทความล่าสุดของเขาว่า เมื่อเขาไปพูดประเด็นนี้ที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย นักเรียนนักศึกษาจะเศร้ากันมาก พวกเขาเห็นใจชาวอุยกูร์ แต่อย่างไรก็ตาม มีนักศึกษาจีนบางคนเข้ามาตั้งคำถามและท้าทายเขาอยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ .

ทว่าสิ่งนี้มิใช่ด้านไม่ดีไปเสียทั้งหมด นักเรียนนักศึกษาจีนที่เข้ามาคุยกับเขาหลายคนแสดงความรู้สึกช็อคเมื่อทราบว่า “เพื่อนร่วมชาติ” ของพวกเขา คนที่พวกเขาได้ยินชื่อมานานแล้วแต่ไม่ได้คุ้นเคย ต้องถูกกระทำอย่างรุนแรงขนาดนี้ .

Byler ยกตัวอย่างข้อความซึ่งนักเรียนนักศึกษาจีนเขียนสะท้อนเอาไว้จากการฟังสิ่งที่เขาพูด ดังนี้

“ฉันมีเพื่อนเป็นชาวจีนฮั่นและอาศัยอยู่ที่ซินเจียงมากมาย แต่ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า มีบางเหตุการณ์ในซินเจียงที่เกิดขึ้นโดยเรา “ไม่คาดคิด” อย่างเช่น คนกลุ่มน้อยชาวตุรกีจะต้องถูกตรวจบัตรประชาชนระหว่างการเดินทาง ในขณะที่คนจีนฮั่นมักจะไม่ถูกตรวจ” (คล้าย ๆ กรณีการตรวจ DNA คนในสามจังหวัดภาคใต้หรือไม่) .

“ฉันตกใจมาก ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีค่ายแบบนี้ในประเทศตนเองด้วย”

“ฉันโตมากับความคิดที่ว่า เรามีเชื้อชาติมากถึงห้าสิบหกชาติพันธุ์ที่รวมเป็นครอบครัวเดียวกันในจีน การฟังครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนชี้ให้ฉันเห็นว่า ภายในจีนนั้นมีประเด็นทางสังคมหลายประเด็นที่สื่อซ่อนไม่ให้เราเห็นอยู่ การที่รู้ว่าอุยกูร์มีประวัติความเป็นมาอย่างไรและสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา ทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจจะเชื่อว่าความอยุติธรรมแบบนี้จะเกิดขึ้นในชาติตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของฉัน”

. . .

นอกจากนี้ Byler ยังยกตัวอย่างข้อความซึ่งนักเรียนนักศึกษาจีนเขียนเอาไว้จากกรณีที่รัฐบาลจีนอ้างว่าคนอุยกูร์และศาสนาอิสลามมีความเกี่ยวข้องกับ “การก่อการร้าย” ดังนี้ .

“การกล่าวว่า ถ้าหากเกิดเหตุกราดยิงโดยคนมุสลิม ชาวมุสลิมทั้ง 1.3 พันล้านคนต้องกลายเป็นนักสังหารและต้องรับผิดชอบ เป็นคำกล่าวที่ไม่ยุติธรรมเลยต่อคนมุสลิม คำกล่าวนี้เป็นการสร้างการเหมารวมทางศาสนา และการป้ายสีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะอเมริกาแต่เกิดขึ้นในจีนด้วย”

“เราสามารถเปรียบเทียบระหว่างประวัติศาสตร์การเหยียดผิวของคนแอฟริกันและเอเชียอเมริกันในซีแอตเทิล กับกระบวนการกวาดล้างชาติพันธุ์ในเมืองอุรุมชี (เมืองเอกของซินเจียง) ซึ่งบังคับชาวอุยกูร์ให้ย้ายออกจากเมืองและไปอยู่ “คุกเปิดโล่ง” บริเวณชนบทของซินเจียง”

“ฉันรู้ว่า ในอดีตมีคนมุสลิมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในจีนอยู่ไม่น้อย และฉันทราบดีว่านโยบายของสีจิ้นผิงมีขึ้นเพื่อความปลอดภัยของชาวจีนฮั่น รวมถึงตัวฉันด้วย แต่ฉันตกใจมากที่รู้ว่าราคาของความปลอดภัยของเราต้องจ่ายด้วยความทุกข์ของคนบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล”

. . .

นักเรียนนักศึกษาจีนเหล่านี้ไม่ได้เพียงแสดงความรู้สึกห่วงใย พวกเขาเข้าไปพูดคุยกับ Byler เพื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและอยากทำความเข้าใจมากกว่านี้ ปัจจุบัน มีนักเรียนนักศึกษาจีนหลายคนร่วมมือกับ Byler ทำโครงการรวบรวมข้อมูลของชาวอุยกูร์เป็นภาษาจีน (เนื่องจากรัฐบาลจีนปิดกั้นไม่ให้คนจีนเข้าถึงข้อมูลในส่วนนี้) .

จะเห็นได้ว่า ไม่มีนักเรียนนักศึกษาจีนคนใด ที่เข้าฟังแล้วจะหลับหูหลับตาและเชื่อฟังคำกล่าวอ้างของรัฐบาลฝ่ายเดียว เพราะอย่างไรก็ตาม มนุษยชาติก็คือมนุษยชาติ ความรู้สึกต่อความทุกข์ของคนอื่นยังเป็นสิ่งที่ระบอบเผด็จการทำลายไม่ได้ ประกอบกับการที่อาจารย์ Byler ถ่ายทอดสารออกมาได้ดีและจัดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยให้ทุกคนได้คิดตาม

. . .

สุดท้ายนี้ ขอจบด้วยข้อความอันคมคายที่นักศึกษาจีนคนหนึ่งเขียนสะท้อนไว้ ดังนี้

“ฉันรู้ว่าบางครั้งความจริงก็ถูกซ่อนอยู่ในความมืด พลเมืองต่างถูก “ปกป้อง” ให้อยู่ในห้องที่พวกเขาสามารถรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เท่าที่ "ที่ปรึกษาของพวกเขา" ต้องการให้พวกเขารู้ การเรียนรู้ความจริงนั้นอาศัยความกล้าหาญและการกระทำ”

.

121 views1 comment

1 comentario


villagetalkiesdm
08 abr

Thanks for sharing.

Village Talkies a top-quality professional corporate video production company in Bangalore and also best explainer video company in Bangalore & animation video makers in Bangalore, Chennai, India & Maryland, Baltimore, USA provides Corporate & Brand films, Promotional, Marketing videos & Training videos, Product demo videos, Employee videos, Product video explainers, eLearning videos, 2d Animation, 3d Animation, Motion Graphics, Whiteboard Explainer videos Client Testimonial Videos, Video Presentation and more for all start-ups, industries, and corporate companies. From scripting to corporate video production services, explainer & 3d, 2d animation video production , our solutions are customized to your budget, timeline, and to meet the company goals and objectives. As a best video production company in Bangalore, we produce quality…


Me gusta
bottom of page